“วีเอสที อีซีเอส” เดินหน้าสู่ผู้นำด้าน AI และโซลูชันครบวงจร อย่างเต็มรูปแบบ กับความท้าทายสำคัญของดิสทริบิวเตอร์ในวันนี้

“วีเอสที อีซีเอส” ประกาศความสำเร็จในการจัดงาน “The Show Day in Bangkok 2025: AI The Power of Technology” โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 900 ราย ตอกย้ำการก้าวสู่ยุคของเทคโนโลยี AI อย่างเต็มรูปแบบ เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังมุ่งเน้นการเติบโตของตลาด AI

และการยกระดับบริการสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างครบวงจร ชู 2 เทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง AI และ EV นำทัพ พร้อมเดินหน้าลงทุนสวนกระแสเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์ และการเจาะตลาด Non-IT ที่สร้างยอดขายเติบโตกว่า 100% ตั้งเป้าจบปีด้วยการเติบโตระดับดับเบิลดิจิ

สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงการจัดงาน “The Show Day in Bangkok 2025: AI The Power of Technology” โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้พันธมิตรได้อัปเดตเทรนด์และนวัตกรรม AI  จากแบรนด์ไอทีชั้นนำระดับโลก และในปีนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นด้าน AI ได้เข้ามาเสริมทัพในทุกหน่วยธุรกิจของ “วีเอสที อีซีเอส” ได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิม ทั้งนี้ทำให้เรามองเห็นโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้ได้เผยถึงแผนการลงทุนติดตั้งเครื่อง Demo AI Server โดยมีการใช้งาน GPU เพื่อประมวลผลมากขึ้น กับ Sales Office ใน 11 สาขาของวีเอสซี อีซีเอส ทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการติดตั้งเครื่องเดโม AI Server เพื่อให้รีเซลเลอร์ในแต่ละพื้นที่ได้เข้ามาเรียนรู้และนำไปต่อยอดในการนำเสนอโซลูชันที่ตรงกับความต้องการของหน่วยงานท้องถิ่น

พร้อมยังเสริมทัพความร่วมมือกับกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระในประเทศ (Local ISV-Independent Software Vendor) และสถาบันการศึกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงและสามารถนำไปใช้งานได้จริงที่ตอบโจทย์เฉพาะทางของแต่ละองค์กร  ทั้งด้านการสนับสนุนและช่วยในการทำงานของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น หรือการสร้างโซลูชันเฉพาะทางสำหรับธุรกิจต่างๆ

“AI Server ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการตั้งเซิร์ฟเวอร์โชว์เท่านั้น แต่จะเป็นการสร้าง “สนามทดลอง” และ “พื้นที่เรียนรู้” ที่เปิดกว้างให้กลุ่มคู่ค้าและลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ได้เข้ามาสัมผัส ทดลองใช้งาน และพัฒนาโซลูชัน AI ของตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่สูงเกินไปด้วย”

นอกจากนี้ทางด้าน “วีเอสซี อีซีเอส” ยังได้นำร่องการใช้ AI ภายในองค์กรของเราโดยจัดทำโคงการต้นแบบ 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ 1. ระบบ AI Chatbot ภายในองค์กร โดยการสร้างฐานข้อมูลองค์ความรู้ (Knowledge Base) จากข้อมูลและนโยบายทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้พนักงานสามารถสอบถามข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานใด้อย่างรวดเร็ว เช่น ขั้นตอนการเบิกค่าคอมมิชชั่น หรือเงื่อนไขการลาพักร้อน ซึ่งช่วยลดภาระของหัวหน้างานและฝ่ายบุคคลได้อย่างมหาศาล และ

2. ระบบวิเคราะห์สินเชื่อ (Credit Control) ที่ใช้ Al ประมวลผลข้อมูลประวัติการซื้อขายและการชำระเงินของของร้านค้าไอทีที่มีมากว่า 30 ปี เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการปล่อยวงเงินสินเชื่อและการตัดสินใจทางธุรกิจ ทั้งสองโครงการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า AI คือผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้มาแทนที่มนุษย์

“สถานการณ์ภาพรวมตลาดคอนซูเมอร์จากมุมมองของผมยังคงชะลอตัวจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่จะหายไป เพราะไอทีเป็นอุปกรณ์จำเป็นในการทำงานและใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลังการเปิด Windows 12-13 เข้ามา ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่ในฝั่งของตลาดคอมเมอร์เชียลและและเอ็นเตอร์ไพรซ์ กลับมีผลตอบรับที่ดีมากจากกระแส AI ที่มาแรง ส่งผลองค์กรธุรกิจต่างๆ มีการลงทุน Server, Network และ Security เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรับมือภัยคุกคามใหม่ๆ และทำให้ “วีเอสซี อีซีเอส” เติบโตเป็นที่น่าพอใจตั้งแต่ต้นปี  และตลาดสมาร์ทโฟนยังคงแข็งแกร่งจากการเปิดตัวรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

“วีเอสที อีซีเอส” ยังชูจุดแข็งด้วยการเป็นเจ้าตลาดมานานกว่า 37 ปี มีทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญ และโซลูชันที่ครบวงจรที่สุดในตลาด ล่าสุดบริษัทได้ขยายคลังสินค้าจาก 1 แห่งในกรุงเทพฯ เป็น 12 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการสต็อกสินค้าที่ขายดีในต่างจังหวัด ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าถึงร้านค้าได้ภายใน 3 ชั่วโมง”

ในส่วนของธุรกิจใหม่ “วีเอสซี อีซีเอส” ยังได้ขยายธุรกิจสู่มอเตอร์ไซค์ EV โดยได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม เดลิเวอรี่รายใหญ่ และมีแผนที่จะขยายโครงการไปยังรีเซลเลอร์ที่มีธุรกิจจัดส่งสินค้าในจังหวัด เพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในอนาคต  จากกรณีศึกษาที่ส่งผลให้เกิดความสำเร็จตลาด Non-IT ที่ได้ปรับโมเดลการทำตลาด “จักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV)”

โดยในช่วงเริ่มต้นใช้โมเดลธุรกิจแบบ B2C ที่วางขายตามโชว์รูม แต่ไม่สามารถแข่งขันได้ จึงได้ “เปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ทั้งหมด” โดยมุ่งเจาะตลาด B2B ที่มีกลุ่มพนักงานขนส่ง (Rider) เป็นเป้าหมายหลัก โดย “วีเอสที อีซีเอส” ได้ร่วมมือกับเจ้าของแพลตฟอร์มหรือบริษัทโลจิสติกส์ที่มีไรเดอร์ เพื่อมอบโซลูขันที่ครบวงจรซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงานและการบำรุงรักษาได้อย่างมหาศาล  ส่งผลให้ยอดขายของ “วีเอสที อีซีเอส” เติบโตมากกว่า 100% และกำลังต่อยอดความสำเร็จไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ เพิ่มเติม

ทางด้าน บุญชัย อัศาชัยสวิกรม ประธานฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยต่อว่า  ในฐานะดิสทริบิวเตอร์ VST ECS ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่ออัปเดตความรู้และเทคโนโลยีให้แก่พาร์ตเนอร์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นคอนเซปต์ AI เป็นหลัก อย่างในการจัดงาน The Show Day in Bangkok 2025 ที่มีการชวนเวนเดอร์ชั้นนำทั้งฝั่งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์มาจัดแสดงเทคโนโลยี โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 900 คน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพรวมของอีโคซิสเตมส์ และโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI

พร้อมเสริมถึง “VST ECS Professional Services” จะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์สำคัญที่จะเข้ามาแก้ปัญหา “การขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ” ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ในองค์กร จากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงและกำไรจากการขายสินค้าฮาร์ดแวร์ลดน้อยลง การให้บริการเสริม (Value-added Services) คือ หนทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

พร้อมย้ำ “VST ECS Professional Services” ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เสมือน “ทีมงานหลังบ้าน” ให้กับบริษัทพาร์ตเนอร์ โดยมีที่ผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ชีวิตที่พร้อมให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การบริหารจัดการโครงการ การติดตั้งระบบ ไปจนถึงการบำรุงรักษา ที่สำคัญคือ ทีมงานจะเข้าไปให้บริการลูกค้าในนามของบริษัทพาร์ตเนอร์นั้นๆ ช่วยให้พาร์ตเนอร์สามารถขายโซลูชันที่สมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนในการสร้างทีมเทคนิคของตนเอง นับเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจที่ “โตไปด้วยกัน” อย่างแท้จริง

“ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มี ยอดขายเติบโตขึ้นถึงสองดิจิ ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายอย่างเหลือเชื่อ จากการคว้าโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้หลายโครงการ ซึ่งเป็นผลมาจากที่เรามีความครบครันของโซลูชันและทีมงานที่พร้อมสนับสนุนลูกค้าอย่างเต็มที่

พร้อมเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่น่าตื่นเต้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2569 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์สำคัญในการสร้างการเติบโตต่อไป” สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช กล่าวปิดท้าย