AIS ผนึก ตำรวจไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ “OPERATION PINKLAO” จับกุมแก๊งมิจฉาชีพตระเวน ใช้เครื่องส่ง SMS ปลอมทั่วกรุง แนบลิงก์ชวนแลกคะแนน เตือน! อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
AIS ร่วมกับ ตำรวจไซเบอร์ บช.สอท. เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก เข้าจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย เพื่อส่ง SMS ปลอมจาก Sender เป็นชื่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยใช้ข้อความที่อ้างคะแนนจะหมดอายุ เพื่อล่อลวงให้ประชาชนคลิกลิงก์แลกรางวัล ทำให้ผู้รับ SMS อาจหลงเชื่อและมีความเสี่ยงโดนหลอกลวงเงินได้ โดยที่ผ่านมาพบว่าได้ก่อเหตุทั้งในพื้นที่ในย่านสาทร พระราม 4 สุขุมวิท และเพชรบุรี และสามารถจับกุมตัวไปได้แล้วหลายครั้ง ทั้งผู้ต้องหาชาวไทยและต่างชาติ
โดยการสืบสวนในครั้งนี้อาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทีมวิศวกร AIS ในการค้นหาคนร้าย จนนำไปสู่การจับกุมแก๊งมิจฉาชีพเพื่อยับยั้งการก่อเหตุซ้ำ โดยเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่คนร้ายใช้ คือเครื่องส่งข้อความปลอม (SMS) โดยปลอมสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย ส่งสัญญาณเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมี เพื่อทำให้ผู้ใช้งานได้รับ SMS ปลอม และอาจหลงเชื่อ จากการตรวจสอบไม่พบการได้รับอนุญาตจาก กสทช. จึงถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
วรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เอไอเอสตั้งใจยกระดับสังคมไทยสู่ ‘ปีแห่งความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์’ ที่เราจะทำงานเชิงรุกอย่างเต็มกำลัง เพื่อปกป้องคนไทยจากภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ ในฐานะผู้ให้บริการระบบสื่อสารชั้นนำของประเทศ เรามุ่งมั่นดูแลให้ลูกค้าทุกคนใช้บริการได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด ที่ผ่านมา เอไอเอสจึงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตำรวจและหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันตรวจสอบ ปิดกั้น และติดตามเส้นทางมิจฉาชีพที่ใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวง ล่าสุด ในกรณีการส่ง SMS ปลอมผ่านอุปกรณ์ส่งสัญญาณความถี่ผิดกฎหมาย
โดยปลอมเป็นหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างความสับสน เราได้สนับสนุนภารกิจของฝ่ายความมั่นคงจนสามารถเข้าถึงแหล่งกบดานและทลายเครือข่ายมิจฉาชีพได้สำเร็จ สะท้อนถึงความตั้งใจของเอไอเอสในการปกป้องประชาชน และเราจะเดินหน้าพัฒนามาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้คนไทยทุกคนปลอดภัยในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน”
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า “ตำรวจไซเบอร์ยังคงเดินหน้าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ในการปราบปรามขบวนการมิจฉาชีพทุกรูปแบบ ความสำเร็จในการจับกุมครั้งนี้ สะท้อนถึงพลังความร่วมมือระหว่างตำรวจไซเบอร์และภาคเอกชนต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ “เอไอเอส” ที่ได้ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสอบและให้การสนับสนุนด้านเทคนิคอย่างเต็มที่ ทำให้เราสามารถสกัดกั้นและทลายเครือข่ายมิจฉาชีพได้อย่างรวดเร็ว
ผมขอยืนยันว่า ตำรวจไซเบอร์จะใช้ทุกมาตรการ ทั้งด้านการสืบสวนเชิงรุก การพัฒนาขีดความสามารถ และการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนจากภัยออนไลน์ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในยุคดิจิทัลให้ปลอดภัยมั่นคง สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สังคมไทย”
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ และ AIS ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์ แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS ที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงห้ามให้ข้อมูลสำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด หรือรหัส OTP ในการทำธุรกรรมใด ๆ แก่แหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ
หากลูกค้าที่ใช้บริการของ AIS พบสายโทรศัพท์หรือข้อความต้องสงสัย หลังวางสายสามารถกด *1185# โทรออกภายใน 5 นาที เพื่อส่งหมายเลขล่าสุดที่รับสายไปเพื่อตรวจสอบและบล็อกทันที หรือหากได้รับ SMS ผิดปกติ สามารถแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ AIS ตรวจสอบและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่หากตกเป็นเหยื่อ สามารถโทรสอบถามสายด่วน AOC 1441 หรือแจ้งความออนไลน์ผ่าน www.thaipoliceonline.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง